สีขั้นที่สองแต่ละสีที่อยู่บนตำแหน่งวงล้อสี จะอยู่ตรงกันข้ามกับสีคู่ตรงข้าม ของมัน (Complementaries Of Primaries), หรือแต่ละสีของมันจะเป็นสี ที่ตัดกัน อย่างแท้จริง (รุนแรง) สีคู่ตรงข้ามเหล่านี้ เมื่อถูกวางอยู่เคียงข้างกันจะให้ ความรู้สึกตอบสนองใกล้เคียงกันทางสายตา และสีตรงข้ามกันจะให้ความรู้สึก เร้าใจ แต่เมื่อสีคู่ตรงข้ามเหล่านี้นำมาผสมกัน ในปริมาณที่เท่าๆกัน จะเกิดเป็นสีขุ่น (muted), หรือเป็นสีกลาง (neutrals) และขึ้นอยู่กับปริมาณของสัดส่วนที่ผสมกัน เช่นถ้าผสมกับสีตรงข้ามเพียงเล็กน้อย ก็จะเป็นการลดค่าของสีเดิมลง คือลดความสด, ความจัดของสีลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีสีเดิมของตัวเองเป็นหลักอยู่ และหากผสมกัน ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ก็จะเกิดเป็นสีกลาง คือไม่แสดงตัวออกมาว่าเป็นสีใดชัดเจน ซึ่งได้แสดงให้เห็นในวงล้อสี(ภาพประกอบที่ 3)
Complementary colors ที่เรียกว่า สีคู่ตรงข้ามในที่นี้ หากเทียบเคียง กับตำรา ทฤษฎีของสี ที่ศาสตราจารย์ซี. เฟโรจี (ศิลป์ พีระศรี) เป็นผู้เรียบเรียงขึ้น แปลโดยท่านเจ้าคุณอนุมานราชธน (สำหรับสอนในโรงเรียนวิจิตรศิลป ของกรม ศิลปากร คำนำ กรมศิลปากร 25 ธ.ค. 2486) จะเรียกว่า สีคู่ปฏิปักษ์ของแม่สี (Complementaries of Primaries) และได้อธิบายถึงต้นเหตุ ตามธรรมชาติ ว่า แสงแดดนั้นประกอบด้วยรัศมีเป็นสีต่างๆ เมื่อควบกันเข้า (โดยการหมุน) ก็จะ เกิดเป็นสีขาวแท้ สีหลักของรัศมีเหล่านี้คือ แดงชาด สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีคราม และสีม่วงคราม (เป็นฉัพพรรณรังสี คือ สีหกประการ)
เมื่อพิเคราะห์สีทั้ง 6 นี้ จะสังเกตว่าเป็นแม่สี 3 สี และอีก 3 สีประกอบขึ้นด้วย การผสมของแม่สี และเรียกว่าสีคู่ปฏิปักษ์ คือ
สีส้ม ประกอบด้วย สีแดง กับ สีเหลือง
สีเขียว ประกอบด้วย สีคราม กับ สีเหลือง
สีม่วงคราม ประกอบด้วย สีคราม กับ สีแดง